“ฮอร์โมนเพศชายต่ำ สัญญาณที่คุณไม่ควรมองข้าม”

“เทสโทสเตอโรน (Testosterone)” หรือ ฮอร์โมนเพศชาย ทำหน้าที่สำคัญคือการกระตุ้นให้เด็กชายเจริญเติบโตสูวัยหนุ่ม โดยมีหน้าที่หลักๆ ดังนี้

  1. การพัฒนาลักษณะทางเพศชาย ในช่วงวัยรุ่น เทสโทสเตอโรนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาลักษณะทางเพศ เช่น การเจริญเติบโตของอวัยวะเพศชาย เสียงที่ลึกขึ้น และการเจริญเติบโตของขนตามร่างกาย
  2. การสร้างมวลกล้ามเนื้อ เทสโทสเตอโรนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อ
  3. การควบคุมไขมันในร่างกาย ฮอร์โมนนี้มีบทบาทในการควบคุมการสะสมไขมันและช่วยในการเผาผลาญพลังงาน
  4. การส่งเสริมกระดูกแข็งแรง  เทสโทสเตอโรนช่วยในการสร้างและรักษาความหนาแน่นของกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก
  5. อารมณ์และสุขภาพจิต เทสโทสเตอโรนมีผลต่ออารมณ์ ความมั่นใจ และความกระตือรือร้นในชีวิตประจำวัน
  6. การผลิตสเปิร์ม ในผู้ชาย ฮอร์โมนนี้ยังมีส่วนสำคัญในการผลิตและพัฒนาสเปิร์ม

การรักษาระดับเทสโทสเตอโรนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม โดยปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ, สภาพแวดล้อม, และสุขภาพทางเพศสามารถส่งผลต่อระดับของฮอร์โมนนี้ได้

ระดับปกติของฮอร์โมนเพศชายปกติ คือเท่าไหร่ ?

            ระดับปกติของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ควรอยู่ระหว่าง 350-1000 ng/dl (นาโนกรัมต่อเดซิลิตร) แต่หลังจากที่ผู้ชายมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ระดับฮอร์โมนเพศชายจะค่อยๆลดลงประมาณ 1-2% ต่อปี ซึ่งจะสังเกตอาการขาดฮอร์โมนได้เมื่ออายุมากขึ้น

             ระดับเทสโทสเตอโรนในผู้ชายจะแตกต่างกันไปตามช่วงวัย โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นช่วงอายุและระดับฮอร์โมนที่เฉลี่ยได้ดังนี้:

วัยเด็ก (0-11 ปี)  ระดับเทสโทสเตอโรนจะต่ำ โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.3 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (ng/mL) ขึ้นอยู่กับอายุ

วัยรุ่น (12-17 ปี)  ระดับเริ่มสูงขึ้นในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ระดับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.3-1.0 ng/mL

ผู้ใหญ่ (18-39 ปี) ระดับเทสโทสเตอโรนสูงสุดในช่วงนี้ โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 300-1,000 ng/dL (นาโนกรัมต่อเดซิลิตร)   ระดับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 600-800 ng/dL

วัยกลางคน (40-59 ปี) ระดับเทสโทสเตอโรนเริ่มลดลง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400-600 ng/dL

ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)  ระดับฮอร์โมนลดลงต่อเนื่อง โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 300-500 ng/dL  อาจมีอาการขาดฮอร์โมนในบางคน

สัญญาณบ่งบอกว่าระดับเทสโทสเตอโรนต่ำกว่าปกติ

           การตรวจสอบว่าระดับเทสโทสเตอโรนต่ำกว่าปกติสามารถทำได้โดยสังเกตอาการต่างๆ และการตรวจเลือด ดังนี้

อาการที่อาจบ่งบอกว่าระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ

  • ความเหนื่อยล้า  รู้สึกอ่อนเพลียแม้จะพักผ่อนเพียงพอ
  • การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ ยากที่จะสร้างหรือรักษากล้ามเนื้อ
  • ปัญหาในการมีสมาธิ  มีปัญหาในการจดจ่อหรือความจำไม่ดี
  • อารมณ์แปรปรวน รู้สึกซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมากขึ้น
  • ปัญหาทางเพศ เช่น ความต้องการทางเพศลดลง หรือปัญหาในการแข็งตัว
  • เพิ่มไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณหน้าท้อง

      ผู้ชายส่วนมากมักไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังมีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ดังนั้นหากรู้สึกว่ามีการขาดฮอร์โมนเพศชาย เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ไม่ค่อยกระฉับกระเฉง อารมณ์ทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีความเครียดมาก ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อ้วนลงพุง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่ หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องก็ควรได้รับการตรวจระดับฮอร์โมน

การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนมีข้อดีหลายประการ ได้แก่

  1. การวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ  ช่วยให้สามารถระบุปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมน เช่น ภาวะฮอร์โมนต่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต
  2. การติดตามสุขภาพ  ช่วยติดตามการรักษาหรือการเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมน ซึ่งสามารถช่วยประเมินความสำเร็จของการรักษาได้
  3. การปรับปรุงคุณภาพชีวิต การรู้ระดับเทสโทสเตอโรนสามารถช่วยให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น เช่น ความเหนื่อยล้า หรือปัญหาทางเพศ และช่วยหาวิธีการปรับปรุง
  4. การป้องกันโรค การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนอาจช่วยในการป้องกันหรือระบุปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคกระดูกพรุนหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ
  5. การให้ข้อมูลสำหรับการรักษา หากพบว่าระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ การตรวจสามารถช่วยแพทย์ในการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การบำบัดด้วยฮอร์โมน
  6. การตัดสินใจในการออกกำลังกายและโภชนาการ  ข้อมูลเกี่ยวกับระดับฮอร์โมนสามารถช่วยในการวางแผนการออกกำลังกายและโภชนาการที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูร่างกาย

การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดูแลสุขภาพโดยรวมและช่วยให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาและการใช้ชีวิตได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนควรพิจารณาสำหรับกลุ่มบุคคลดังนี้

  1. ผู้ชายที่มีอาการฮอร์โมนต่ำ หากมีอาการเช่น ความเหนื่อยล้า, ความต้องการทางเพศลดลง, การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ, หรือปัญหาในการมีสมาธิ
  2. ผู้ที่มีปัญหาทางเพศ เช่น การแข็งตัวไม่เต็มที่, ความต้องการทางเพศลดลง หรือปัญหาในการมีบุตร
  3. ผู้ชายที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, โรคอ้วน, หรือโรคที่มีผลต่อระบบฮอร์โมน เช่น โรคต่อมไทรอยด์
  4. ผู้สูงอายุ ผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปีควรพิจารณาตรวจเพื่อประเมินระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะถ้ามีอาการที่เกี่ยวข้อง
  5. ผู้ที่มีประวัติครอบครัว หากมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับปัญหาฮอร์โมนหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  6. ผู้ที่อยู่ในกระบวนการรักษา เช่น ผู้ที่ได้รับการบำบัดด้วยฮอร์โมนหรือการรักษาโรคมะเร็งที่มีผลต่อระดับฮอร์โมน

การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถวางแผนการรักษาหรือการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการขาดเทสโทสเตอโรน มีดังนี้

  1. ผู้สูงอายุ โดยทั่วไปแล้วระดับเทสโทสเตอโรนจะลดลงตามอายุ โดยเฉพาะหลังจากอายุ 30-40 ปี
  2. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน, โรคอ้วน, หรือโรคหัวใจ ซึ่งสามารถส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  3. ผู้ที่มีปัญหาต่อมไร้ท่อ เช่น โรคของต่อมใต้สมองหรือต่อมไทรอยด์ที่ส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมน
  4. ผู้ที่มีประวัติครอบครัว หากมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับปัญหาฮอร์โมนหรือโรคที่เกี่ยวข้อง
  5. ผู้ที่มีภาวะทางจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล อาจมีความเชื่อมโยงกับระดับฮอร์โมน
  6. ผู้ที่ใช้ยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์ หรือยาที่มีผลต่อระบบฮอร์โมน อาจทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนต่ำลง
  7. ผู้ที่มีวิถีชีวิตไม่สมดุล การไม่ออกกำลังกาย, การมีน้ำหนักเกิน, การรับประทานอาหารไม่ถูกต้อง หรือการมีความเครียดสูง

การเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรนในร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี นี่คือบางวิธีที่คุณสามารถทำได้เบื้องต้นโดยการลองปรับพฤติกรรม

  1. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการฝึกความแข็งแรงและการออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนนี้ได้
  2. รับประทานอาหารที่เหมาะสม เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันดี (เช่น อะโวคาโด, ถั่ว, น้ำมันมะกอก) และคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณภาพ (เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด) รวมถึงผักและผลไม้
  3. นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับที่มีคุณภาพสำคัญต่อการผลิตฮอร์โมน ควรพยายามนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  4. ลดความเครียด ความเครียดสูงอาจทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนลดลง ควรหาวิธีจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิหรือการฝึกโยคะ
  5. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ การบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและการสูบบุหรี่สามารถส่งผลเสียต่อระดับฮอร์โมน
  6. พิจารณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บางชนิด เช่น ซิงค์ วิตามินดี และแป้งบุก อาจช่วยในการเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรนได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้
  7. ตรวจสุขภาพ หากมีปัญหาเกี่ยวกับระดับเทสโทสเตอโรน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม

การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตอาจใช้เวลาสักระยะ แต่การทำอย่างต่อเนื่องจะมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณค่ะ

การตรวจระดับเทสโทสเตอโรนในผู้ชายควรทำในบริบทของอายุและสุขภาพโดยรวม เนื่องจากระดับฮอร์โมนสามารถมีผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตได้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระดับเทสโทสเทอโรน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบและให้คำแนะนำเพิ่มเติม

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top